ความเชื่อ/ประเพณี

ความเชื่อ/ประเพณีของชาวตำบลเมืองลี

 

ประเพณีสืบชะตาข้าว: พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อความอุดมสมบูรณ์

ย้อนกลับไปในอดีต เมื่อข้าวเปลือกในยุ้งเริ่มร่อยหรอ ผู้คนก็โหยหาความมั่นคงทางอาหาร จึงก่อกำเนิด “ประเพณีสืบชะตาข้าว” พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อและความหวัง

ด้วยความกังวลว่าข้าวจะไม่เพียงพอ บรรพบุรุษของเราจึงจัดพิธีสืบชะตาข้าวขึ้น เพื่อขอขมาและขอบคุณ “แม่โพสพ” เทพีแห่งข้าว พร้อมทั้งอัญเชิญขวัญข้าว

พิธีมงคลนี้ จัดขึ้นในวันอันเป็นสิริมงคล เชื่อกันว่าจะช่วยให้ข้าวในยุ้งฉางอุดมสมบูรณ์ ไม่ร่อยหรอ และเพียงพอต่อการบริโภคจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวหน้าถัดไป

ขั้นตอนของพิธี ประกอบไปด้วยการจัดเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ ข้าวตอกดอกไม้ บายศรี และอาหารคาวหวาน เมื่อถึงเวลาฤกษ์ยาม พราหมณ์หรือผู้ประกอบพิธีจะทำการอัญเชิญขวัญข้าว สวดมนต์คาถา และกล่าวคำอวยพร

ประเพณีสืบชะตาข้าว สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต ความเชื่อ และความผูกพันของคนไทยโบราณที่มีต่อข้าว พืชพันธุ์ธัญญาหารอันเป็นเสมือนลมหายใจ พิธีกรรมนี้จึงเปรียบเสมือนสายใยที่เชื่อมโยงมนุษย์กับธรรมชาติ และเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูต่อเทพเจ้าผู้ประทานความอุดมสมบูรณ์

แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนผัน ประเพณีสืบชะตาข้าวอาจไม่ได้ถูกจัดขึ้นอย่างแพร่หลายเหมือนในอดีต แต่ความหมายและคุณค่าของพิธีกรรมนี้ยังคงอยู่ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่ควรค่าแก่การสืบสาน รักษา และถ่ายทอดต่อไปยังรุ่นลูกหลาน


เลี้ยงอาญาปัว อาญาหลวง : ตำนานและประเพณีที่ยังคงอยู่

เลี้ยงอาญาปัว

ในอดีตกาล การก่อตั้งตำบลเมืองลีเริ่มต้นจากชนเผ่าลัวะขมุที่เดินทางมาจากทางเหนือบริเวณอำเภอปัว พวกเขาได้ก่อตั้งหมู่บ้านเล็กๆ ขึ้นและนำระบบการปกครองแบบ “ผู้นำชนเผ่า” หรือ “หัวหน้าหมู่บ้าน” มาใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถยึดเหนี่ยวความสัมพันธ์ในชุมชนได้เป็นอย่างดี

หนึ่งในประเพณีสำคัญที่ผู้คนในชุมชนนำมาใช้คือการบูชา “อาญาปัว” ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชาและยึดถือเป็นหลักในการดำรงชีวิต ในปัจจุบันมีการกำหนดพิธีสักการะอาญาปัวไว้ปีละสองครั้ง คือในเดือน 4 เหนือ ขึ้น 12 ค่ำ และแรม 12 ค่ำ (การเเก้บนของคนใน) รวมถึงในเดือน 6 เหนือ ขึ้น 12 ค่ำ ถึง แรม 12 ค่ำ ช่วงเวลานี้ถือเป็นรอบการแก้บนที่สำคัญของชุมชน

การแก้บนสามารถทำได้หลายวิธี เช่น บนบานศาลกล่าวด้วยเงิน (ของแดง) หมู (ต้องเป็นสีดำเท่านั้น) และไก่ ก่อนที่อาญาปัวจะมาเข้าทรง จะมีการบรรเลงเพลงโดยช่างซอและช่างฟ้อนเพื่ออัญเชิญให้อาญาปัวมาเข้าทรงในร่างทรง ซึ่งร่างทรงของอาญาปัวจะเป็นผู้หญิง พิธีสักการะจะทำในช่วงบ่ายของวันนั้นๆ

เมื่อเสร็จพิธีแก้บนแล้ว จะมีการทำบายศรีสู่ขวัญให้กับร่างทรง โดยเชื่อกันว่าเป็นการเรียกขวัญของร่างทรงให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว หลังจากที่ขวัญได้ออกจากร่างไปในช่วงที่อาญาปัวมาเข้าทรง การเลี้ยงอาญาปัวนี้เป็นพิธีที่สะท้อนถึงความเชื่อและความเคารพที่ชุมชนมีต่ออาญาปัว ซึ่งยังคงดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบ


เลี้ยงอาญาหลวง

ในสมัยอดีตกาล อาญาหลวงมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเคารพและการปกครองในชุมชนเมืองลีและตำบลปิงหลวง อาญาหลวงเป็นผู้นำที่ได้รับการยกย่องจากชุมชน และมีอำนาจในการบริหารจัดการที่กว้างขวาง โดยการปกครองนี้เป็นการรวมตัวของบรรดาญาติพี่น้องจากชุมชนต่างๆ ซึ่งเหมือนการรวมญาติครั้งใหญ่

อาญาหลวงจึงมีศาลหรือ “โฮงอาชญา” หลายแห่ง เช่น ที่ตำบลเมืองลีตั้งอยู่ที่บ้านนาหมอ หมู่ที่ 3 และที่ตำบลปิงหลวงตั้งอยู่ที่บ้านปิงหลวง หมู่ที่ 2

ในอดีตจนถึงปัจจุบัน การบนบานศาลกล่าวจะแก้บนโดยใช้เงิน (ของแดง) หรือสัตว์ใหญ่ เช่น ควาย เพื่อแสดงความเคารพและขอบคุณต่ออาญาหลวง


ไหว้สาผาช้าง: พิธีเรียกฝนสืบสานประเพณีเมืองลของตำบลเมืองลี

ตำบลเมืองลีมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเคารพบูชาและรักษาพิธีกรรมมานานหลายปี นั่นคือ “ผาช้าง” ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านนาหมอ หมู่ที่ 3 ทุกปีในเดือน 6 (เป็งเหนือ) จะมีการจัดงานไหว้สาผาช้าง เพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำตำบลและสืบสานวัฒนธรรมจารีตประเพณีพื้นบ้าน

งานไหว้สาผาช้างมีการจุดบั้งไฟเพื่อสักการะผาช้าง ตามความเชื่อที่ว่าการบูชานี้จะทำให้ฝนตกตามฤดูกาล พืชผลไร่นาอุดมสมบูรณ์ พิธีนี้จัดขึ้นในวันวิสาขบูชาของทุกปี เนื่องจากวันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญในพระพุทธศาสนา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน

งานไหว้สาผาช้างไม่เพียงแต่เป็นการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังเป็นการรวมตัวของชุมชนเพื่อรักษาประเพณีอันดีงามให้คงอยู่ต่อไป


นมัสการพระธาตุเมืองลีศรีน้ำอูน: สักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุและความศรัทธาอันแรงกล้า

พระธาตุน้ำอูน เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี 2554 โดยได้รับงบประมาณจากการบริจาคของศรัทธาวัดน้ำอูนและผู้มีจิตศรัทธา เหตุผลที่พุทธศาสนิกชนร่วมใจกันสร้างพระธาตุนี้ขึ้นเพื่อให้คณะศรัทธาวัดน้ำอูนได้มีสถานที่สำหรับสักการะบูชา เนื่องจากในพระธาตุได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

คณะศรัทธามีมติร่วมกันว่าจะทำบุญสักการะพระธาตุในวันมาฆบูชา (6 เป็งเหนือ) ซึ่งเป็นวันที่มีความสำคัญในพระพุทธศาสนา เนื่องจากเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก และได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อมกันถึง 4 ประการ คือ

  1. วันนั้นตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
  2. มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
  3. พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์
  4. พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ เอหิภิกขุอุปสัมปทา

ด้วยเหตุการณ์อัศจรรย์ทั้ง 4 ประการนี้ ทำให้วันมาฆบูชาได้รับการเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วันจาตุรงคสันนิบาต การสักการะพระธาตุเมืองลีศรีน้ำอูนในวันนี้จึงมีความหมายอย่างลึกซึ้งและเป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนทั่วสารทิศ


นมัสการพระธาตุ วัดนาคายี่เป็ง

พระธาตุวัดนาคายี่เป็งสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2558 ด้วยเงินบริจาคจากพุทธศาสนิกชนทั้งในและนอกพื้นที่ เป็นศาสนสถานสำคัญอีกแห่งของตำบลเมืองลี การก่อสร้างพระธาตุนี้นับเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับผู้มีศรัทธาในพื้นที่ เนื่องจากพระธาตุวัดนาคานี้กลายเป็นจุดศูนย์รวมของการสักการบูชา ชาวตำบลเมืองลีได้มีโอกาสสรงน้ำพระธาตุและทำพิธีสักการะบูชาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เกิดความศรัทธาและความสามัคคีในชุมชน

พระธาตุวัดนาคายี่เป็งไม่เพียงเป็นศาสนสถานที่สำคัญ แต่ยังเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณที่สร้างความเชื่อมั่นและความภาคภูมิใจให้กับชาวบ้านทุกคน การมาเยือนพระธาตุนี้เปรียบเสมือนการเสริมสร้างความมั่นคงทางจิตใจและเชื่อมโยงผู้คนให้มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น